เมื่อพวกเราได้พ้นจากตลาดโก้งโค้งมาแล้ว และเยือนหมู่บ้านญี่ปุ่นมาแล้ว เราก็มาถึงตลาดน้ำเมืองอโยธยากัน สถานที่แห่งนี้เป็นจุดหมายที่มีผู้คนล้นหลามจริงๆ เดินกันขวักไขว่ สวนทางเบียดเสียดกันไปมาเป็นช่วงๆ แม้กระทั่งทางเข้า ที่พอเลี้ยวเข้าซอยไปแล้ว พบว่ามีซอกซอยให้เลี้ยวเข้าที่จอดรถอยู่หลายจุดมาก และมีคนโบกรถให้เลี้ยวเข้าซอยเล็กๆ เหล่านั้นหลายๆ ซอยที่เขียนไว้ว่า ที่จอดรถ+ห้องน้ำฟรี หรือไม่ก็ที่จอดรถฟรี อีกหลายแห่ง คนโบกเยอะมาก ยืนบนถนนแบบแทบจะกั้นไม่ให้รถตรงไปข้างหน้าได้ จนหลายคันต้องเลี้ยวเข้าไปตามที่คนโบกรถทั้งหลายเหล่านั้นชี้ทางให้ ลักษณะนั้นคล้ายกับที่เพลินวานมากๆ ที่เมื่อมีเพลินวานเกิดขึ้นมา พื้นที่โดยรอบก็ได้รับอนิสงส์ไปด้วย สำหรับที่ตลาดน้ำอโยธยานี้ ก็เพิ่งจะมาถึงบางอ้อ ตอนเดินตลาดน้ำนั่นแหละ รู้สึกได้เลยว่า พ้นที่โดยรอบตลาดน้ำอโยธยาที่สร้างขึ้นก่อน ถูกแวดล้อมไปด้วยตลาดที่สร้างขึ้นเพิ่มเติม อาจจะจากกลุ่มทุนเดิม หรือคนละกลุ่มกันก็ไม่แน่ใจ แต่ขยายขอบเขตพื้นที่ออกไปเยอะมาก ถ้ายอมให้รถผ่านพ้นไปจอดในบริเวณตลาดเดิมๆ ที่สร้างขึ้นก่อน ผู้คนที่จะเดินผ่านตลาดที่สร้างเพิ่มเติมนี้ก็คงจะน้อยแน่ๆ จนเป็นที่มาก็ยุทธการโบกให้เลี้ยว หรือจะเรียกว่าต้อนให้เลี้ยวดี
ผ่านพ้นการจอดรถที่ยากลำบากมาแล้วก็เข้าสู่ตลาดน้ำกันเสียที ที่ตลาดน้ำอโยธยานี้ เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้มาเยือน มาสัมผัสบรรยากาศ เมื่อมาถึงก็หาของกินกันก่อนเลย เพราะเป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว แม้จะกินมาบ้างแล้วจากตลาดโก้งโค้งแต่ก็ยังไม่พอที่จะทำให้อิ่มหนำจนละเลยมื้อเที่ยงไปได้ แต่ด้วยความที่ไม่เคยเดินทางมาที่นี่จึงไม่ได้รับรู้เลยว่า ตลาดมันกว้างใหญ่ขนาดไหน มีจุดขายอาหารมากมายขนาดไหน จับพลัดจับพลูได้เจอบริเวณขายอาหารเป็นเกาะเล็กๆกลางน้ำที่ต้องข้ามสะพานไม้เดินเข้าไปยังจุดขายอาหาร ที่นั่งกินบริเวณนี้จะเป็นการนั่งกับพื้นบนเสื่อ บรรยากาศได้อารมณ์ย้อนยุคดี แต่พ่อค้าแม่ขายที่มาขายอาหารที่นี่ไม่ได้แต่งกายย้อนยุคด้วย อีกทั้งโต๊ะที่ใช้นั่งรับประทานก็คือโต๊ะยาวที่ถูกตัดขาให้สั้นลง ไม่ได้ดูเก่าแก่อะไรกันมากมาย แต่ก็ไม่แน่ถ้าได้เจอโต๊ะเก่าๆ จริงมันอาจจะมีความเลอะปนมาด้วย ดังนั้น ปล่อยให้เป็นแบบนี้แหละดีแล้ว อ้อ แต่ต้องระวังการลุกนั่งสักหน่อย เพราะในขณะที่นั่งรับประทานอาหารอยู่นั้น สาวน้อยๆวัยกลางๆ ลุกขึ้นหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ บังเอิญกระเป๋าสะพายไปเกี่ยวถูกโถเครื่องปรุงหกเลอะเสื้อผ้ามากทีเดียว สำหรับตัวเองแล้ว การลุกนั่งก็ชนจาน ชนชามกระดกไปเสียหลายหนเหมือนกัน คงเพราะความไม่ค่อยคุ้น

บริเวณที่นั่งกิน ที่เป็นลักษณะนี้ คาดว่าแต่เดิมคงจะพยายามทำให้เป็นลักษณะเรือพายมาเทียบแล้วอยากจะกินอะไรก็สั่งขึ้นมากินจากเรือ จะได้บรรยากาศ ตลาดน้ำแบบโบราณๆ ที่ขายกันในเรือแน่ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปๆ เรือก็เริ่มถูกยกขึ้นคาน แต่ก็ยังเป็นคานที่เทียบอยู่ข้างๆ สถานที่กิน ก็เลยกลายเป็นรูปแบบอย่างในปัจจุบันไป กลายเป็นบรรยากาศตลาดน้ำ ตลาดของกินริมน้ำแบบโบราณครึ่งๆ กลางๆ ไป


เมื่อหาที่นั่งได้ตรงตามความพอใจแล้วก็จะมีบรรดาพ่อค้าแม่ขาย เดินเข้ามาถามว่าอยากจะกินอะไร ทั้งนี้ก็คงจะขึ้นอยู่กับว่า แม่ค้าคนนั้นมาจากร้านไหนด้วย อาจจะเชียร์ให้กินของร้านตนเองมากไปหน่อยก็คอยๆ ดูกันไปก็แล้วกัน แต่อาหารอย่างหนึ่งที่ดูเตะตามาแต่ไกลก็คือลูกชิ้นยักษ์ที่นำมาย่างปิ้งไฟให้หอมๆ ก็เลยสั่งจัดมาเสีย 1 จาน พอคนขายเห็นยกกล้องขึ้นมาจะถ่าย ก็เลยบอกว่า เอาแบบเสียบไม้ไหมครับ เดี๋ยวเอามาให้ใช้ถ่ายรูป จะได้สวยๆ ก็เลยตอบออกไปอย่างรวดเร็วแทบจะไม่ผ่านสมองว่าเอาครับ เพราะที่อยู่ในจานนั้นเป็นแบบหั่นแล้ว ไม่ช้าไม่นาน พ่อค้าคนเดิมก็เดินถือลูกชิ้นไม้ยักษ์มาให้ถ่ายภาพสมใจอยาก ไม้ใหญ่จริงๆ แต่น่าเสียดาย คนถือกล้องถ่ายภาพมือสั่นไปหน่อย แล้วคนถ่ายภาพก็ไม่อยากใช้แฟลชด้วย เพราะจะเป็นการไปรบกวนคนอื่นๆ ที่กำลังรับประทานอาหารกันอยู่ ภาพที่ได้ก็เลยเบลอๆ ไม่ได้ดั่งใจต้องการ ก็เลยขอเดินหลบเลี่ยงเอาลูกชิ้นยักษ์ไม้นั้นไปคืนถึงร้าน แล้วยกกล้องขึ้นถ่ายภาพแม่ค้ามาแทน จะได้เก็บเอามาฝากกันที่นี่

มีเรื่องขำๆ แต่น่ารัก (น่าเสียดายไม่ได้ถ่ายภาพมาด้วย) เป็นเด็กหญิงคนหนึ่งแต่งกายน่ารักในชุดไทย เดินหาลูกค้าว่าใครต้องการสั่งหมูสะเต๊ะบ้าง ในจังหวะที่น้องเค้าเดินมาถามนั้น คนอื่นๆในโต๊ะของผมกำลังเมามันกับการสั่งอาหารจานหลักกับแม่ค้ารายหนึ่ง น้องคนนี้ก็เดินมาถามผมว่าจะเอาหมูสะเต๊ะด้วยไหม ผมก็ตอบว่าเอาครับ 1ชุดนะ น้องคนนั้นก็หันหน้าเยื้องไปทางด้านหลังของผมเล็กน้อยแล้วแปลงเสียงทันที จากน้ำเสียงเล็กๆ ใสๆ และเบาๆ เป็นตะโกนไปยังทิศทางนั้นว่า “แม่ หมูสะเต๊ะชุดนึงงงง” แล้วก็เดินจากไป มันมารู้สึกขำเอาตอนที่น้องเค้ามาส่งเนี่ยสิ หลังจากที่ผมสั่งหมูสะเต๊ะไป ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าในโต๊ะผมนั้น ไม่มีใครรู้ว่าผมสั่งหมูสะเต๊ะ อีกทั้งตัวผมก็ยืนหันหลังให้โต๊ะเพราะกำลังเล็งถ่ายภาพในตลาดอยู่ พอน้องเค้าเอามาส่ง ทุกคนที่โต๊ะต่างก็บอกว่า ใครสั่งน่ะ ไม่ได้สั่งนะ น้องเค้าตอบออกมาทันทีด้วยความมั่นใจพลางชี้นิ้วมาที่ผมว่า “พี่คนนั้นสั่ง” ด้วยความน่ารักของเด็กๆ ทั้งท่าทางและการพูด เลยทำให้เราหัวเราะกันได้ทั้งโต๊ะ เพราะความใสซื่อพูดจาตรงไปตรงมานี่เอง จนถึงตอนนี้ยังจำเสียงตอบเจื้อยแจ้วนั้นได้อยู่เลย


กินอาหารข้าวปลาเสร็จ(แต่จริงๆน่ะกินก๋วยเตี๋ยว) ก็ออกเดินทางท่องชมตลาดกันต่อได้ ต้องบอกว่าตัวตลาดนั้นค่อนข้างจะกว้างใหญ่พอสมควร ผมก็เดินเพียงเส้นทางหลักๆ เดินไปเป็นวงกลม แต่ที่แยกย่อยเป็นห้องต่อๆ ไปอีกนั้น ก็ผ่านครับ เดินไม่ไหวจริงๆ เพราะระยะทางแล้วก็ผู้คนด้วย ในวันที่เดินทางไปตลาดน้ำอโยธยานั้นผมพกเลนส์ 17 – 55mmไปเพียงตัวเดียว เพื่อความคล่องตัว และเป็นเลนส์ในช่วงที่ชอบใช้มากจริงๆ ความจริงเลนส์ช่วงนี้จะเป็นเลนส์ kit นะ แต่ผมชอบครับ ถ่ายกันแบบประชิดตัวนี่แหละถ่ายคน ถ่ายชีวิต ถ่ายมาแบบ ไม่ต้องซูมจากระยะไกลๆ เหมือนกลัวอะไรสักอย่างหนึ่ง ผมชอบแบบนี้มากกว่า



สินค้าที่ขายในที่แห่งนี้ ดูโดยรวมแล้วก็ยังคงจะเน้นหนักไปที่เสื้อผ้าอยู่ดี เป็นสินค้าที่ดูจะพบเห็นได้บ่อยที่สุดรองจากอาหารการกินสารพัด ทั้งของคาว ของหวาน ขนมขบเคี้ยว อาหารว่าง หรือแม้กระทั่งอาหารทะเล เพิ่งจะรู้เหมือนกันว่า อยุธยาก็มีทะเลด้วย ใครจะไปเที่ยวที่ตลาดแห่งนี้ อยากจะกินอาหารอะไร ก็ลองๆ เดินดูกันก่อนก็แล้วกันครับ เพราะผมพบอาหารที่อยากกิน ก็เมื่ออิ่มแล้ว ทำให้พลาดโอกาสที่จะได้ลองลิ้มชิมรสไปอย่างน่าเสียดายทีเดียว อาหารมีให้เลือกกินเยอะครับ ค่อยๆ หาค่อยๆดูที่ถูกใจ อ้อ สำหรับคนที่ชอบอาหารอิสานแบบส้มตำ ต้มยำเห็ดสารพัด ปลาปิ้ง ปลาย่าง ปลาเผา ก็มีให้เลือกหารับประทานด้วยเหมือนกัน ขอให้มีความสุขและสนุกกับการกินนะครับ


ที่ตลาดอโยธยานี้มีลานการแสดงด้วย เป็นเกาะอยู่กลางน้ำ ต้องข้ามสะพานไม้เข้าไปนั่งดูนั่งชม เป็นลานในร่ม มีเวทีการแสดงอย่างเรียบร้อย นักแสดงก็ดูตั้งใจในการแสดงดี ในวันนั้นไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าแสดงในหัวข้อเรื่องอะไร จะเป็นอยุธยาเสียกรุงหรือไม่ก็ไม่ค่อยแน่ใจ เพราะเข้าไปที่ลานก็ตอนการแสดงจะจบอยู่แล้ว นักแสดงที่นี่ไม่ได้มุ่งแค่แสดงอยู่บนเวทีเท่านั้น แต่ได้เดินลงมาบริเวณที่นั่งด้านล่างด้วย ในช่วงเวลาที่เหมาะๆ เพื่อให้ผู้ชมได้ร่วมสัมผัสแบบใกล้มากๆจนเกือบชิด อย่างตอนที่เห็นและได้ถ่ายมานี้ เป็นช่วงที่พม่าเดินทางกลับโดยต้อนเชลยศึกชาวไทยกลับไปด้วย ก็เดินวกวนกันไปมาผ่านหน้าผู้ชมเบื้องล่างที่ทำหน้างงๆ กันหลายคน ก็นับว่าเป็นอีกสีสันหนึ่งที่สนุกๆ ของตลาดน้ำอโยธยาแห่งนี้ครับ

สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งเมื่อมาถึงที่นี่ไม่น่าจะพลาดได้ นั่นก็น่าจะเป็นการนั่งเรือเพื่อชมบรรยากาศรอบๆ ตลาดน้ำอโยธยา เป็นการชมบรรยากาศที่มองขึ้นมาจากลำน้ำด้านล่าง โดยค่านั่งเรือชมนั้น 20 บาทถ้วนต่อคน ต่อรอบ (เท่าที่ดูที่ตลาดนี้ผูกพันกับตัวเลข 20 เป็นอย่างมาก ค่านั่งเรือ 20 บาท ค่าหมวกสานเก๋ๆ 20 บาท ป้อนอาหารแกะ 20บาท ป้อนนมแพะ 20 บาท ให้นมปลาคราฟก็ยัง 20 บาท (ดูเหมือนปลาจะไม่ได้กินหรอกแต่คนให้บีบขวดจนนมหมดมากกว่า) สุดท้ายยังดีที่เข้าห้องน้ำไม่ใช่ครั้งละ 20 บาทด้วย) ดังนั้นการนั่งเรือชมรอบๆ ตลาดน้ำก็เป็นอีกกิจกรรมที่หากยังไม่เคยมาก็น่าลองนั่งดูสักรอบ

เรือที่พาล่องท่องชมนี้ พยายามหาจุดขายที่แตกต่างจากที่อื่นๆ แต่ก็ได้ความแปลกและดูน่าจะเหมาะสมเข้ามาด้วย เรือที่นี่เป็นเรือติดเครื่องยนต์เล็กที่ใช้ดูดน้ำจากในสระขึ้นมาผ่านตัวเครื่องยนต์และขับดันน้ำออกไปผ่านทางสายยางที่บีบปลายท่อเอาไว้ ทำให้เรือเคลื่อนที่ไปได้แบบช้าๆ ไม่รีบไม่เร่ง ซึ่งก็ดูเหมาะสมดี หากเอาเครื่องยนต์ติดใบพัดแบบเรือหางยาวมาใช้ ก็คงไม่เหมาะสมกับพื้นที่แคบๆ เล็กๆ แบบนี้ แต่ถ้าเป็นเรือพาย ก็จะดูจะลำเล็กเกินไปหน่อยและท่าคนพายอาจจะลำบากได้ พอมาเป็นเรือติดเครื่องยนต์แบบนี้ก็เลยดูแปลก แล้วก็ยังได้อารมณ์ของความแปลกและน่าลองนั่งเข้ามาด้วย ชื่นชมคนคิดจริงๆครับ
- ดูสิว่าผู้ชม ตั้งอกตั้งใจดูกันขนาดไหน
- ใช้เครื่องยนต์ผลักดันน้ำ ให้เรือแล่น แทนการใช้ใบพัด
- บางช่วงของตลาดแทบไม่เห็นคนเดิน
- กระเป๋าสีสันสดๆ ดึงดูดให้สาวๆ เข้าไปชมได้ไม่น้อย
- ดูสิว่า บริเวณนี้ทางเดินโล่งขนาดไหน
- ใครอยากลองป้อนนมปลาคราฟกันบ้าง
- ตลาดน้ำอโยธยาแท้ๆ
- เชิญชึ้นเรือกันได้ เดี๋ยวจะพาชมรอบตลาด
- สัญลักษณ์ใหญ่กลางน้ำ
บรรยากาศงานประกวดรถโบราณ ครั้งที่ 36
มีโอกาสได้ไปชมรถโบราณอีกแล้ว หลังจากไปมาแล้วติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ที่ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต โดย สมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย ร่วมกับ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค จัดงานประกวดรถโบราณ ครั้งที่ ...
จราจร จราจล ของรถในเมืองหลวง
ภาพที่เห็นนี้ ถ่ายได้จากถนนเส้นหนึ่งในกรุงเทพ หากลองมองภาพนี้แล้ว หลายๆ คนก็คงจะคิดไปทางเดียวกันว่า ดูท่ารถตู้จะกวนๆ ดีจริงๆ หลายๆ คนก็คงไม่ค่อยจะชอบรถตู้ที่วิ่งอยู่ในกรุงเทพสักเท่าใดนัก แต่ทุกอย่าง ก็ล้วนมีสาเหตุเช่นกัน ...
เดินเที่ยว ตลาดน้ำนครเนื่องเขต หรือ ตลาดโบราณนครเนื่องเขต
ทริปนี้ มาจากช่วง ธันวาคม 2010 ที่ไปธุระที่ฉะเชิงเทรา แล้วได้แวะไปเที่ยว ตลาดบ้านใหม่ ร้อยปี คิดว่า ยังพอจะเหลือเวลาอยู่ ...
แวะซื้อ แวะชม การทำผ้าบาติก
การเดินทาง แบบแวะนั่น แวะนี่ ไปเรื่อยๆ ก่อนจะไปยัง ปลายทางที่ เกาะพิทักษ์นั้น ก็มีผลทำที่ทำให้ได้ผ่านไปทางหน้าร้านขายผ้าบาติก ซึ่งตอนขับไปก็เลยไปสักเล็กน้อย แล้วก็ต้องขับถอยหลังกลับมา ...